Search :

Project Project Title : การศึกษาผลผลิตของถั่วไมยราและการใช้ถั่วไมยราป่นเป็นอาหารไก่ไข่(Study of Hedge Lucerne (Desmanthus virgatus) Production and Utilization of Hedge Lucerne Meal in Layer Diets)     downloaded 76 times Researcher Name : วิศิษฐิพร สุขสมบัติ (Wisitiporn Suksombat) Abstract : บทคัดย่อ การศึกษาผลผลิตและคุณค่าทางโภชนะของถั่วไมยราและการใช้ต้นถั่วไมยราป่นเปนแหลง เสริมโปรตีนในอาหารไกไข ดำเนินการโดยแบงออกเป็น 3 การทดลองคือ การทดลองที่ 1 เป็นการ ศึกษาผลของอายุการตัดและระดับความสูงที่ตัดสูงจากพื้นดินที่มีตอผลลิตและองค์ประกอบทาง เคมีของถั่วไมยรา โดยจัดสิ่งทดลองแบบ 3 x 3 Factorial in Randomized Complete Block มี 4 ซ้ำ 2 ปัจจัย ปัจจัยแรกประกอบด้วย ชวงอายุการตัด 3 ระยะคือ 30, 40 และ 50 วัน ปัจจัยที่ 2 ประกอบด้วย ระดับความสูงที่ตัดจากพื้นดิน 3 ระดับ 30 40 และ 50 เซนติเมตร เพื่อหาอายุการตัดและระดับความสูงที่ตัดที่เหมาะสมต่อผลผลิตและคุณค่าทางโภชนะของถั่วไมยราที่จะนำไปเป็นอาหารไกไข ปรากฎวาอายุการตัดที่เพิ่มขึ้นมีผลใหเปอรเซ็นตวัตถุแหงและเยื่อใยเพิ่มขึ้นอยางมีนัยสําคัญยิ่ง (P<0.01) ขณะที่มีผลทําใหเปอรเซ็นตโปรตีน เถาและ Nitrogen free extract (NFE) ลดลงอยางมีนัยสําคัญยิ่ง (P< 0.01) และไขมันลดลงอยางมีนัยสําคัญ (P<0.05) ในทางตรงกันขามการเพิ่มความสูงที่ตัดมีผลทําใหวัตถุแหง และเยื่อใยลดลง ซึ่งสงผลใหเปอรเซ็นตโปรตีนและเถาเพิ่มขึ้น โดยปรากฎวามีปฏิกริยาสัมพันธ ระหว่างช่วงอายุการตัดและความสูงที่ตัดตอเปอรเซ็นตโปรตีนของถั่วไมยราอยางมีนัยสําคัญ (P<0.05 ) เมื่อชวงอายุการตัดเพิ่มขึ้นโปรตีนของใบและตนจะลดลงอยางมีนัยสําคัญยิ่ง (P<0.01) โดยที่ไมพบปฏิกริยาสัมพันธระหวางชวงอายุการตัดและความสูงที่ตัด ตอองคประกอบทางเคมีในใบ และลําตนของถั่วไมยรา จากผลการทดลองนี้ชี้ใหเห็นวา การตัดถั่วไมยราทุก 50 วัน ที่ระดับความสูง 40 เซนติเมตร จะไดผลผลิตของวัตถุแหงสูงสุด 559 กิโลกรัม ตอไร แตการตัดที่อายุ 30 วัน ความสูง 30 – 50 เซนติเมตรจากพื้นดิน จะไดถั่วไมยราที่มีเปอรเซ็นตโปรตีนสูงและเยื่อใยตํ่า เทากับ 18.55 – 19.00 และ 17.12 – 19.91 เปอรเซ็นต ตามลำดับ สําหรับการทดลองที่ 2 เพื่อประเมินคุณคาทางชีวภาพของถั่วไมยราปนในอาหารสัตวปก โดยใชถั่วไมยราปนที่อายุ 30 วัน ความสูง 50 เซนติเมตร จากการวิเคราะหองคประกอบทางเคมีพบวามีโปรตีน 18.95 เยื่อใย 17.50 ไขมัน 3.13 NFE 44.91 เถา 7.49 แคลเซียม 1.975 ฟอสฟอรัส 0.100 เปอรเซ็นต ตามลําดับ พลังงานรวม 3967 กิโลแคลอรีตอกิโลกรัม กรดอะมิโนที่จําเปน เชน ไลซีน 1.152 เมทไธโอนีน 0.255 ทรีโอนีน 0.953 และ ทริปโตเฟน 0.233 เปอรเซ็นต ตามลําดับ นอกจากนี้พบวาถั่วไมยราปนมีสารไมโมซิน 1.51 เปอรเซ็นต และ สารสีแซนโทฟลล 309 มิลลิกรัมตอกิโลกรัม การหาคาพลังงานใชประโยชนไดของถั่วไมยราปนมีคาประมาณ 1330 กิโลแคลอรีตอ กิโลกรัม โดยสัมประสิทธิ์การยอยไดของวัตถุแหง 65.04 และโปรตีน 34.61 การยอยไดที่แทจริง ของโปรตีน 47.71 คุณคาทางชีวภาพของโปรตีน 63.11 และโปรตีนที่ใชประโยชนไดสุทธิ 30.07 เปอรเซ็นตตามลําดับ การทดลองที่ 3 ศึกษาการใชถั่วไมยราปนในอาหารไกไขตอสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพไข โดยใชไกไขพันธุไฮเซคบราวน อายุ 22 สัปดาห จํานวน 300 ตัวใชแผนการทดลองแบบสุมตลอด (Completely Randomized Design) จํานวน 5 ซํ้าๆ ละ 12 ตัวโดยแตละกลุมไดรับอาหารที่ประกอบดวยถั่วไมยราปนที่ระดับตาง ๆ กันคือ 0, 2, 4, 6 และ 8 เปอรเซ็นตตามลําดับ ผลการทดลองปรากฎวา การใชถั่วไมยราปนเกิน 8 เปอรเซ็นตทําใหผลผลิตไขลดลง อยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (P<0.05) ส่งผลใหตนทุนการผลิตไขตอโหลเพิ่มขึ้นอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (P<0.05) โดยที่การใชถั่วไมยราปนระดับตาง ๆ กันไมมีผลตอปริมาณอาหารที่กินเฉลี่ยตอวัน นํ้าหนักตัวที่เพิ่มขึ้น นํ้าหนักไข มวลไข่ องคประกอบของไขทั้งฟอง ตลอดจนสุขภาพทั่วไปของแมไก เมื่อพิจารณาถึงคุณภาพของไข พบวาการใชถั่วไมยราปนในระดับ 8 เปอรเซ็นตในสูตรอาหาร มีผลทําใหไขแดงมีสีเขมกวากลุมอื่นๆ อยางมีนัยสําคัญยิ่ง (P<0.01 ) แตไมมีผลตอความถวงจําเพาะของฟองไข ความหนาเปลือกไข ความสูงไขขาว และคาฮอกยูนิต จากผลการทดลองนี้ชี้ใหเห็นวาสามารถใชถั่วไมยราปนในอาหารไก่ไขไดถึง 6 เปอรเซ็นต โดยไมมีผลกระทบตอสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพไข Abstract Three experiments were conducted in order to study on yield and nutritive value of hedge lucerne (Desmanthus virgatus) meal (HLM) and utilization of hedge Lucerne meal as protein supplement in layer diets. The first experiment was laid out in 3 x 3 Factorial arrangements in randomized complete block design with 4 replications in each treatment. Factor A was cutting interval (30, 40 and 50 days) while factor B was cutting height (30, 40 and 50 cm above ground level). The objective of this experiment was to evaluate the effect of cutting interval and cutting height together with interaction of the two factors on yield and nutrient composition of hedge Lucerne. It is found that the dry matter (DM) and crude fiber (CF) contents increased (p<0.01) with increasing interval of cutting while the CP, Ash, EE and NFE content decreased (p<0.01 except EE p<0.05) with increasing cutting intervals. On the other hand, the DM and CF contents decreased with increasing cutting height while the CP and Ash contents increased as cutting height increased. There were interaction effects of age of cutting and cutting height on CP contents of hedge Lucerne (p<0.05). However, no interaction between cutting interval and cutting height on yield was found. The effect of cutting interval was significant on percentage of DM, CF and Ash of leaf and stem (p<0.01). CP content of leaf and stem decreased (p<0.01) with increasing interval of cutting. There were no significant interaction effects on nutrition compositions of leaf and stem. The results of the experiment indicated that DM at 50 day intervals and at 40 cm cutting height gave the highest yield (559 kg/rai). At 30 day intervals and at 30-50 cutting height gave the highest CP (18.55 – 19.00%) and the lowest CF (17.12 – 19.91%). The objectives of the 2 experiment study were to determine the biological value of hedge Lucerne meal in poultry diets. The chemical composition of HLM (DM basis) analyzed by proximate analysis were 18.95%CP, 17.50%CF, 3.13%EE, 44.91%NFE, 7.49%Ash, 1.975%Ca, 0.10%Total P and 3967 kcalGE/kg. The lysine, methionine, threonine and tryptophan content were 1.152, 0.255, 0.953 and 0.233% respectively. HLM contained mimosine at the level of 1.51% and the mixed sample with leaves and stem contained 309 mg/kg of xanthophylls. Apparent metabolizable energy in HLM for adult chicken was 1330 kcal/kg. Digestibility coefficients of dry matter and protein in HLM feed were 65.04 and 34.61% respectively. True digestibility of protein, protein biological value and net protein utilization were 47.71, 63.11 and 30.07% respectively. The 3rd experiment: three hundred 22 weeks old Hisex brown pullets were randomly divided into 5 groups of 60 hens each. Each group was fed with ration containing 0, 2, 4, 6 and 8% of HLM. All diets were isonitrogenous and were provided to the laying for five 28-d periods. This experiment was conducted to evaluate the effect of HLM on laying performance and egg quality. The result demonstrate that feeding more than 8% of HLM decreased egg production and increased cost of production (p<0.05). No significant differences among the dietary treatments were found in feed intake, body weight gain, egg weight, egg mass, egg composition and general health of laying hens. For the quality of eggs it was found that there were no significant differences in specific gravity, shell thickness, albumen height and haugh unit among the dietary treatments. The egg yolk color of control group was paler than the other group while the group received 8% of HLM had highest yolk color score (p<0.01). The result of the experiment indicated that 6% of HLM can be used in layer diets without any adverse effects on laying performance and egg quality. Publications : No  View Publications  Detail 1  View Publications   Award/Honor :  Name  Sponsor  Get Date

IRD SEARCH | IRD LOGIN