มทส. จับมือ โอ้กะจู๋ ทดสอบและพัฒนางานวิจัย
เครื่องผลิตปุ๋ยน้ำไนเตรทจากอากาศ สู่การใช้งานจริงในภาคการเกษตรไทย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และ บริษัท ปลูกผักเพราะรักเเม่ จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักในแบรนด์ “โอ้กะจู๋” ร่วมมือทางวิชาการภายใต้โครงการ“ความร่วมมือการทดสอบและพัฒนางานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์” เพื่อบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เคมี และเทคโนโลยีเกษตร นำผลงานวิจัย“เครื่องผลิตปุ๋ยน้ำไนเตรท (NO₃⁻) จากอากาศด้วยเทคโนโลยีสนามไฟฟ้าความถี่สูง” ไปสู่การใช้งานจริงในอุตสาหกรรมเกษตร สร้างความมั่นคงด้านปัจจัยการผลิตลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มความยั่งยืนให้ภาคเกษตรได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในการนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดี มทส. นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายจิรายุทธ ภูวพูนผลประธานเจ้าหน้าที่เกษตรอัจฉริยะ บริษัท ปลูกผักเพราะรักเเม่ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ส่งเสริมการพัฒนางานวิจัยการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อผลักดันงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.หนึ่ง เตียอำรุงรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นายชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร พร้อมด้วย คณะผู้บริหารของบริษัทฯรองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา คณาจารย์ และนักวิจัย มทส. ร่วมเป็นเกียรติในพิธี เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมสารนิเทศ อาคารบริหาร มทส.
สำหรับผลงานวิจัย “เครื่องผลิตปุ๋ยน้ำไนเตรท (NO₃⁻) จากอากาศด้วยเทคโนโลยีสนามไฟฟ้าความถี่สูง” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย ทองโสภาหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านการประยุกต์ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อารักษ์ ธีรอำพน อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืชสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส. ซึ่งคณะผู้วิจัยประสบความสำเร็จในการสร้างเครื่องต้นแบบผลิตปุ๋ยน้ำไนเตรท (NO₃⁻) จากอากาศ ซึ่งวิจัยและพัฒนามาเป็นรุ่นที่ 4 แล้วทำให้ได้เครื่องผลิตปุ๋ยที่มีประสิทธิภพาพสูง ขนาดกำลังงานประมาณ 5,000 วัตต์ ด้วยงบประมาณเพียง 500,000 บาท สามารถผลิตปุ๋ยน้ำได้ต่อเนื่องที่อัตราประมาณ60-70 ลิตรต่อชั่วโมง โดยมีความเข้มข้นของไนเตรท 1,000 ppm ซึ่งถือเป็นปริมาณสูงที่สุดในโลกที่สามารถผลิตได้ในขณะนี้ โดยเครื่องนี้สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงคิดเป็นต้นทุนการผลิตเพียง 20 สตางค์ต่อลิตร สามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี และยังสามารถปรับออกแบบให้มีขนาดและกำลังการผลิตสูงขึ้นได้ เพื่อรองรับการใช้งานทั้งในระดับเกษตรกรรายย่อย กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และภาคอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่ โดยจากการทดลองกับผักสลัดกรีนโอ๊คและผำในสภาพโรงเรือนของภาคสนามให้ผลเป็นที่น่าพอใจ
เพื่อตอบโจทย์ปัญหาจากการใช้ปุ๋ยยูเรียที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากให้ปริมาณธาตุไนโตรเจนสูง เหมาะแก่การบำรุงพืชหลากหลายชนิด แต่มีราคาสูงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิต อีกทั้งกระบวนการผลิตปุ๋ยยูเรียแบบดั้งเดิมต้องผ่านหลายขั้นตอนและใช้พลังงานสูงมากต้นทุนการผลิตผูกพันกับราคาพลังงานโลก และยังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คณะผู้วิจัยจึงได้ริเริ่มพัฒนา “เครื่องผลิตปุ๋ยน้ำไนเตรทจากอากาศ”ได้โดยตรง ที่ไม่ต้องผ่านขบวนการผลิตเป็นปุ๋ยยูเรียก่อน ทำให้แทบไม่มีต้นทุนการผลิตและยังรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก รวมถึงมีศักยภาพในการลดการพึ่งพาการนำเข้าและสามารถผลิตปุ๋ยในประเทศได้ด้วยต้นทุนต่ำ เครื่องดังกล่าวใช้หลักการสนามไฟฟ้าความถี่สูง เพื่อปลดปล่อยพลังงานให้เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุลของน้ำ (H₂O)พร้อมทั้งดึงไนโตรเจน (N₂) และออกซิเจน (O₂) จากอากาศ ซึ่งมีอยู่ในธรรมชาติกว่า 78% และ 21% ตามลำดับ เข้าสู่กระบวนการสร้างพันธะเคมีใหม่ ทำให้เกิดสารไนเตรท (NO₃⁻)และไนไตรท์ (NO₂⁻) ซึ่งเป็นรูปของธาตุไนโตรเจนที่พืชสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ทันที
ทั้งนี้ มทส. และ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) จังหวัดเชียงใหม่ จะร่วมมือทางวิชาการ “ความร่วมมือการทดสอบและพัฒนางานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์” โดย มทส.สนับสนุนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้เชิงวิชาการ บริษัท ปลูกผักเพราะรักเเม่ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนพื้นที่สำหรับการทดสอบการวิจัยและพัฒนา โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 3 ปีรับชมภาพกิจกรรม https://www.facebook.com/photo/?fbid=1215221357077368&set=a.435775735021938